วันศุกร์ที่ 10 มกราคม พ.ศ. 2557

เมื่อเอา super car มาติดแก๊ส

งานหิน ๆ Porsche Cayenne s 8 สูบ ติดแก๊สยากแค่ไหน มีอู่ทำได้ 
รถจะติดแก๊สยากแค่ไหนก็ไม่หวั่น ยังคงเป็นแนวทางการทำงานของ เรา ยึดถือและปฏิบัติมาโดยตลอด ดังนั้นจึงไม่ใช่เรื่องแปลกที่ Porsche Cayenne s 4.5 ขุมพลัง V8 ขนาด 4500 ซี.ซี จะได้รับการบันทึกให้เป็นหนึ่ง่ในผลงานที่หาดูได้ยากของสำนักติดแก๊สแห่งนี้
“คาเยนน์” รถหรู คันนี้ เป็นงานที่ได้มาเพราะเจ้าของรถ BMW X3 ที่เคยนำรถมาใช้บริการติดตั้งแก๊ส “บางกอกยนต์การ” เกิดความรู้สึกประทับใจในฝีมือที่ติดแก๊สให้ “จบ” โดยที่รถยังมีสมรรถนะใกล้เคียงกับตอนใช้น้ำมันและไม่ทำให้เครื่องยนต์เสียหายในระยะยาว ก็เลยแนะนำเพื่อนที่เป็นเจ้าของ “Porsche Cayenne” ได้นำรถไปใช้บริการติดแก๊ส
“พอรับรถจากลูกค้า ผมก็มาดูตัวเครื่องแล้วพับว่ารถรุ่นนี้ไม่มีหลุมยางอะไหล่ แต่มีหลุมไว้สำหรับเก็บแบตเตอรี่อย่างเดียว ถ้าเกิดเอาแบตเตอรี่ออกขนาดของหลุมก็เล็กไม่สามารถใส่ถังโดนัทได้อยู่ดี หรือถ้าจะใส่จริง ๆ ถังจะมีขนาดประมาณ 3.3 ลิตร ซึ่งไม่พอสำหรับรถเครื่องยนต์ขนาดใหญ่ ซี.ซี สูง ๆ และยังมีปัญหาต่อไปอีกว่า แบตเตอรี่ที่ถอดออกก็ไม่รู้จะนำไปวางไว้จุดไหน”
เมื่อเห็นดังนั้น จึงแนะนำให้ลูกค้าใช้ถังแคปซูลขนาด 75 ลิตร แล้วตีกล่องครอบให้สวยงาม ส่วนของการติดตั้งถังมีแค่บางส่วนสามารถใช้รูน็อตเดิม ทำให้รถรุ่นนี้มีการเจาะเพิ่มเพียงแค่ 2 รู สำหรับใส่น๊อตยึดขาหลัง ส่วนขาหน้าใช้รูที่มีอยู่เดิม ดังนั้น ถ้าถอดอุปกรณ์แก๊สออก รถจะมีร่องรอยติดแก๊สน้อยมาก แทบทุกอย่างจะเหมือนเดิม ชนิดที่ถ้าไม่ใช่ระดับเซียนจะดูแทบไม่ออกว่ารถคันนี้ผ่านการติดตั้งแก๊สมาแล้ว
“เครื่องยนต์รถรุ่นนี้เป็นขนาด 8 สูบ 4,500 ซี.ซี ภายในห้องเครื่องค่อนข้างแน่น หาตำแหน่งสำหรับวางอุปกรณ์แก๊สค่อนข้างยาก ก่อนลงมือติดตั้งแก๊สผมต้องดู youtube ของต่างประเทศที่เขาให้ความรู้เกี่ยวกับเครื่องยนต์ของคาเยนน์อย่างละเอียด ทำให้มองออกว่าควรจะเปิดชิ้นส่วนไหนของเครื่องยนต์ได้โดยไม่เกิดผลกระทบ ก็เลยหาตำแหน่งวางอุปกรณ์แก๊สได้ลงตัวพอดี”
การศึกษาข้อมูลถึงโครงสร้างของรถยนต์อย่างละเอียดก่อนลงมือติดแก๊ส ถึงแม้จะช่วยให้ทำงานง่ายขึ้น แต่เราก็ยังเจออุปสรรคในการติดตั้งหม้อต้ม โดยเฉพาะช่วงเดินท่อ ต้องถอดล้อรถออกเพื่อเดินท่อเลียบกับแนวเดิม เพราะรถยนต์รุ่นนี้มีช่องสำหรับเติมแก๊สด้านข้างทำให้สามารถติดตั้งได้สวยและเนียนมาก ๆ
ส่วนของการตัดสรรอุปกรณ์แก๊สรถยนต์  เจาะจงเลือกใช้ระบบหัวฉีดแก๊ส emer ที่จัดชุดร่วมกับหม้อต้มตัวใหญ่สามารถรองรับเครื่องยนต์ขนาด 400 แรงม้า ได้ดี รางหัวฉีดเป็นรุ่น emer 34 ที่มีความแข็งแรงทนทานเหมาะสำหรับรถยนต์ ซี.ซี สูง ๆ

“การจูนให้รถคันนี้ถึงแม้จะเป็นการจูนแบบเคแม็ป แต่ค่อนยากกว่ารถยนต์ทั่วไปนิดนึง ตรงที่ค่าเวลาของมันจะวิ่งอยู่ตลอดเวลา เดี๋ยววิ่งขึ้น เดี๋ยววิ่งลง แตกต่างจากรถยนต์คันอื่นที่ค่าเวลาจะสวิงแคบกว่า ช่างจึงใช้เวลาในการจูนมากวก่ารถทั่วไป แต่ถ้าเจอรถรุ่นนี้อีกก็จะใช้เวลาน้อยลงเพราะจับทางถูกแล้ว 

วันจันทร์ที่ 6 มกราคม พ.ศ. 2557

รู้จัก Volk Beetle เลือกหรือไม่อยู่ที่คุณ

หลายท่านคงรู้จักรถเต่ากันนะครับ ซึ่งนิยมในสมัยก่อนในอดีต เพราะมีรูปลักษณ์ที่แปลก และน่ารักเหมือนเต่า และจนถึงในปัจจุบันก็ยังเป็นที่นิยมอยู่ไม่น้อยเลยทีเดียวครับ โดยลักษณะของรถเต่าสมัยนี้ก็ยังเหมือนสมัยก่อนคือเหมือนเต่า แต่มีการพัฒนาให้มีความทันสมัยเข้ากับยุคปัจจุบันครับ หรือที่เรารู้จักกันในชื่อ Volk Beetle โดยผลิตจากบริษัท Volkswagen ตั้งอยู่ที่ เยอรมัน และได้รับความนิยมเป็นอย่างมากที่อมริกาเหนือ สำหรับในสมัยนี้ Beetle ได้มีการพัฒนารถเต่าไปถึงเจนเนอร์เรชั่นที่ 3 แล้วครับโดยบีทเทิลโฉมใหม่นี้ ( Volk beetle 2012) เป็นเจนเนอเรชั่นที่ 3 ของรถยนต์คลาสสิคในตระกูลบีทเทิลซึ่งมีประวัติความเป็นมาอย่างยาวนานนับตั้งแต่ปี 1938 (พ.ศ.2481) ซึ่งรุ่นแรกหรือ Type I ที่มีการผลิตจนถึงปี 2003 (พ.ศ.2546) มียอดผลิตสะสมรวมมากกว่า 21 ล้านคันเลยทีเดียวโดย Volkswagen ตั้งใจออกแบบ Beetle รุ่นนี้ให้ดูมีเสน่ห์กับทั้ง 2 เพศด้วยดีไซน์ที่ดูมีขนาดใหญ่ มีความสุขุมมากขึ้นและดุดันในที โดย Walter de Silva หัวหน้าทีมออกแบบของ Volkswagen Group และทีมงานได้นำเส้นสายของ Beetle Ragster Concept ที่เคยอวดโฉมในงานมอเตอร์โชว์ที่รัฐดีทรอยต์ ประเทศสหรัฐอเมริกา ในปี 2005 มาดัดแปลงใช้ โดยมีความกลมโป่งน้อยกว่า New Beetle ในส่วนของเครื่องยนต์นั้น Volk Beetle ยังใช้การวางเครื่องยนต์ด้านหน้าแบบเดิม ขับเคลื่อนแบบ Front-Wheel Drive โดยมีเครื่องยนต์ทางเลือกทั้งเบนซินและดีเซล การจำหน่ายในสหรัฐอเมริกานั้นมี เครื่องยนต์ทางเลือกได้แก่ เครื่องยนต์เทอร์โบดีเซล TDI 2.0 ลิตร 140 แรงม้า ขับเคลื่อนผ่านเกียร์ธรรมดา 6 สปีดหรือเกียร์อัตโนมัติ Dual-Clutch 6 สปีด มีอัตราการซดน้ำมันที่ 40 ไมล์/แกลลอนสำหรับรุ่นเครื่องยนต์เบนซินเป็นเครื่องยนต์ 5 สูบ ความจุ 2.5 ลิตร กำลังสูงสุด 170 แรงม้า โดยรุ่นเกียร์ธรรมดามีอัตราสิ้นเปลืองเชื้อเพลิงสำหรับการขับในเมืองที่ 22 ไมล์/แกลลอน นอกเมืองที่ 31 ไมล์/แกลลอน และ 25 ไมล์/แกลลอนสำหรับค่าเฉลี่ย ส่วนรุ่นเกียร์อัตโนมัติ 6 สปีด มีอัตราสิ้นเปลืองฯที่ 22 ไมล์/แกลลอน
ส่วนในเอเชีย ยุโรป ออสเตรเลีย และนิวซีแลนด์ จะมีเครื่องยนต์เทอร์โบ 4 สูบให้เลือกและถือว่าเป็นครั้งแรกที่ใช้เครื่องยนต์ชนิดนี้กับ volk Beetle โดยเครื่องเบนซินได้แก่ เครื่องยนต์ TSI 1.2 ลิตร 105 แรงม้า เครื่องยนต์ TSI 1.4 ลิตร 160 แรงม้า และเครื่องยนต์ TSI 2.0 ลิตร 200 แรงม้า ส่วนเครื่องยนต์ดีเซลจะเป็นเครื่องความจุ 1.6 ลิตร โดยมีทั้งรุ่น 105 และ 140 แรงม้า

ในส่วนของภายในห้องโดยสาร Volkswagen ได้ลดความน่ารักลงไปให้ดูกลางๆมากขึ้น สิ่งที่ดูน่าสนใจได้แก่ พวงมาลัยแบบขอบล่างตัดตรง กล่องเก็บของหน้ารถแบบใหม่ที่มีฝาเปิดแบบยกขึ้น แต่ก็ยังคงกล่องเก็บของแบบเดิมเอาไว้ ชุดเครื่องเสียงมาพร้อมระบบนำทางที่ใช้จอแสดงผลขนาด 5 หรือ 6.5 นิ้ว ส่วนอ็อปชั่นที่น่าสนใจก็คือ หลังคาซันรูฟแบบพาโนราม่าที่ว่ากันว่าใหญ่กว่ารุ่นก่อนถึง 80% เลยทีเดียว Volk Beetle รุ่นปี 2012 นี้มีมิติตัวถังที่ใหญ่ขึ้นกว่ารุ่นเดิมด้วยความยาว 4,278 มิลลิเมตร(ยาวขึ้น 152 มิลลิเมตร) กว้าง 1,808 มิลลิเมตร(กว้างขึ้น 84 มิลลิเมตร) แต่เตี้ยลง 12 มิลลิเมตรคือ สูง 1,486 มิลลิเมตร ส่วนฐานล้อมีความยาว 2,537 มิลลิเมตร ส่งผลให้มีพื้นที่ภายในกว้างขวางมากขึ้น ในขณะที่พื้นที่จุสัมภาระท้ายกระโดดจาก 209 ลิตรของรุ่น 1998 ไปเป็น 310 ลิตร โดยทุกรุ่นย่อยจะมาพร้อมเบาะหลังพับได้เพื่อพื้นที่ในการใช้งานที่มากขึ้น ทั้งนี้ก็ยังคงความน่ารักไว้เหมือนเดิมสำหรับผู้ที่ชื่นชอบรถเต่าที่เหมาะกับสมัยปัจจุบันนะครับ