วันศุกร์ที่ 19 ตุลาคม พ.ศ. 2555

รถปอร์ตนำเข้า ที่แข่งขันทุกเรื่อง Spider VS Ferrari


12CSpider ตามสเปกเหนือกว่า Ferrari 458 แต่ไม่มาก
            กระแสความโดดเด่นระหว่าง รถสปอร์ตนำเข้าสุดหรู สองคันนี้ กินกันไม่ลงจริงจริง McLaren MP4-12C กับ Ferrari 458  Italia ได้รับความสนใจจากสื่อสายยานยนต์พอสมควรก่อน 12C Spider ถูกผลิตขึ้น McLaren ก็ได้เปรียบ Maranello ไป 1 ก้าว ในด้านเทคนิค แต่ Ferrari อวดคุณสมบัติว่า 458 รุ่นเปิดประทุน คือ รถสปอร์ตนำเข้า รุ่นแรกที่สามารถทำเป็นหลังคาแข็งแบบพับเก็บได้ แต่การออกแบบส่วนหลังใหม่ของ Ferrari 458 Spider กลับต้องตัดเอกลักษณ์เฉพาะตัวออกไปนั่นคือ แผงกระจกที่มองทะลุเห็นฝาครอบเครื่องยนต์ วี 8 สูบ 4.5 ลิตรสีแดง
            McLaren เลือกใช้วิธีต่างออกไป แม้ 12C Spider มีหลังคาพับได้แบบ 2 ชิ้น แต่ด้วยวิธีการอันชาญฉลาดก็ได้สร้างแผ่นใส ซึ่งมองทะลุไปเห็นเครื่องยนต์ วี 8 ได้ ตลอดเวลา แม้เป็นช่องขนาดเล็ก แต่ก็เป็นข้อดีที่ทำให้ Mclaren ถือไพ่เหนือกว่า และผู้สนใจเป็นเจ้าของก็คงชื่นชอบรถนำเข้าตัวนี้ ในจุดนี้
            ส่วนหลังคาทำจากวัสดุผสม สามารถกางหรือพับเก็บในเวลา 17 วินาที และทำงานได้ถึงความเร็ว 31 กม./ชม. กระจกหน้าต่างด้านหลังสามารถควบคุมแยกกันได้ เพื่อใช้เป็นแผงกั้นลมเมื่อขับเปิดหลังคา พร้อมมีชุดกระเป๋าสัมภาระที่ออกแบบและผลิตขึ้นพิเศษเพื่อให้เข้ารูปตามขนาดที่เหลืออยู่ท้ายรถ ส่วนการปกป้องเวลารถคว่ำก็มีโครงสร้างเหล็กกล้า คอยช่วยรับโดยซ่อนอยู่ในโป่งล้อหลัง
            12 Spider เป็นเวอร์ชัน 2 ในสายพันธ์ MP4-12C และใช้พื้นฐานตัวถังเป็นคาร์บอนไฟเบอร์น้ำหนักเบาแบบชิ้นเดียวเหมือนกับรุ่นคูเป้ มีระบบ BrakeSteer ProActive chasis Control รวมถึง Mclaren Airbrake สิ่งที่ได้อัพเกรดตามเวอร์ชันล่าสุดปี 2013 คือ เครื่องยนต์ วี 8 สูบ 3.8 ลิตร ทวินเทอร์โบ เพิ่มกำลังจาก 592 เป็น 616 แรงม้า ทำความเร็ว 0-100 กม./ชม. ใน 3.1 วินาที เร็วพอๆ กับรุ่นคูเป้
            ระบบ Intake Sound Generator มีให้เลือก ว่าต้องการเสียงเครื่องยนต์ในห้องโดยสารดังแค่ไหน ระบบเกียร์แบบคลัตช์คู่ 7 จังหวะ เปลี่ยนเกียร์ได้เร็วและนุ่มนวลขึ้น
            ยาง Pirelli P Zero Corsa เป็นออปชันให้เลือกได้ และทำความเร็ว 0-160 กม./ชม. ช้ากว่ารุ่นคูเป้เพียง 0.1 วินาที ความเร็วสูงสุดแม้ช้ากว่า 4.8 กม./ชม. แต่ก็ทำได้เร็วถึง 328 กม./ชม.
            ความเร็วสูงสุดนี้เร็วกว่า Ferrari 458 อยู่ 9.6 กม./ชม. เยี่ยมกว่านั้นคือ น้ำหนักของ  Spider มากกว่าคูเป้เพียง 40 กก. โดยน้ำหนักตัวรถเปล่า ๆ 1,376 กก. ส่วน Ferrari 1,430 กก.
            ด้วยกำลังมากกว่า Ferrari 458 อยู่ 54 แรงม้า และแรงบิดมากกว่า 6.2 กก.-ม. กับน้ำหนักตัวที่เบากว่า 54 กก. ทำให้ McLaren มีความเหนือกว่า หากดูจากตัวเลขสเปกต่าง ๆ ด้วยความคาดหวังว่าจะสร้างความเร้าใจ ทั้งด้านรูปลักษณ์และสุ้มเสียงได้มากกว่าเดิม
            McLaren 12C Spider เตรียมออกจำหน่ายในยุโรปเดือนพฤศจิกายน 2012 ราคา 195,500 ปอนด์ หรือคิดเป็นเงินไทยไม่รวมภาษี 9.7 ล้าน แต่สำหรับคนไทย รถนำเข้า อย่าลืมบวกภาษีด้วยนะจ้า 

วันจันทร์ที่ 15 ตุลาคม พ.ศ. 2555

เมื่อเมอร์ซิเดส ไม่หยุดนิ่ง ในวงการรถนำเข้า


แวนกอนท้ายลาด CLS Gen 2
เมอร์เซเดส-เบนซ์ ไม่ค่อยมีความเคลื่อนไหวแรง ๆ ในตลาดรถแวกอน ตั้งแต่เปิดตัว CLS 250 ในปี 2004 ส่วนออดี้มีเวอร์ชัน Sportback อยู่ในรถเกือบทุกรุ่น บีเอ็มดับเบิลยูก็ภูมิใจกับยอดขายเอสยูวีทรงลาดคล้ายรถสปอร์ตนำเข้า ซึ่งขายดีทั่วโลก
            เมอร์เซเดส-เบนซ์กลับมาลุยตลาดด้วย CLS Shooting Brake พร้อมประกาศว่าเป็นรถสปอร์ต 5 ที่นั่งมาพร้อมประตูท้ายลาดเวอร์ชันแรกในประวัติศาสตร์ถ่ายทอดรูปลักษณ์อันโฉบเฉี่ยวจากรถต้นแบบ Shooting Brake Concept 2010 มาพร้อมกรอบไฟหน้า แอลอีดี เส้นสายหลังคาที่โค้งลาดเอียง และสปอยเลอร์ขนาดเล็กบนฝาประตูท้าย
            เมอร์เซเดส-เบนซ์ เปิดตัว CLS Shooting Brake ตัวถังแวกอนของ CLS เจนเนอเรชัน 2 พร้อมรูปลักษณ์แตกต่างจาก Shooting Brake Concept ที่เผยโฉมใน 2010 ปักกิ่ง มอเตอร์โชว์ เพียงเล็กน้อย ขนาดตัวถังขยายขึ้นบ้าง กว้าง 1,881 มม. ยาว 4,956 สูง 1,413 มม. พื้นที่บรรทุกสัมภาระจุ 590-1,550 ลิตร ขึ้นอยู่กับรูปแบบการปรับเบาะ
            รูปลักษณ์ Shooting ดูเหมือนกับ CLS ตั้งแต่กระจังหน้าไปจนถึงเสาบี ทั้งภายในและภายนอกต่อจากนั้นเส้นสายหน้าต่างทรงเพรียวบางและดูยาวนำไปสู่ประตูหลังที่ดีไซน์โฉบเฉี่ยว และบั้นท้ายออกแบบให้ลาดเพรียวลมมากกว่ารถแวกอนทั่วไป ซึ่งอ้างอิงรถรูปแบบ Shooting Brake ในอดีต
            มีเครื่องยนต์ให้เลือก 4 บล็อก คือ
            CLS 250 CDI BlueEFFICIENCY ดีเซล 4 สูบ 2.1 ลิตร 204 แรงม้า แรงบิด 60 กก.-ม. 0-100 กม./ชม. ใน 7.8 วินาที ความเร็วสูงสุด 235 กม./ชม.
            CLS 350 CDI BlueEFFICIENCY ดีเซล วี 6 สูบ 3.0 ลิตร 260 แรงม้า แรงบิด 63.2 กก.-ม. 0-100 กม./ชม. ใน 6.6 วินาที ความเร็วสูงสุด 250 กม./ชม.
            CLS 350 BlueEFFICIENCY ดีเซล วี 6 สูบ 3.5 ลิตร 306 แรงม้า แรงบิด 37.8 กก.-ม. 0-100 กม./ชม. ใน 6.7 วินาที ความเร็วสูงสุด 250 กม./ชม.
            CLS 500 BlueEFFICIENCY ดีเซล วี 8 สูบ 4.8 ลิตร 480 แรงม้า แรงบิด 61.2 กก.-ม. 0-111 กม./ชม. ใน 5.3 วินาที ความเร็วสูงสุด 250 กม./ชม.
            สำหรับตัวแรงเวอร์ชัน AMG เตรียมทำตลาดภายหลังด้วยชื่อ CLS 63 AMG Shooting Brake ยกระบบมาจาก CLS 63 AMG Coupe เครื่องยนต์ วี 8 สูบ 5.5 ลิตร ทวินเทอร์โบชาร์จ 518 แรงม้า ถ้าเสริมชุด AMG Performance package จะเพิ่มเป็น 550 แรงม้า อัตราเร่ง 0-100 กม./ชม. ใน 3.8 วินาที ความเร็วสูงสุดถูกจำกัดไว้ 300 กม./ชม.
            ภายในห้องโดยสารนอกจากตกแต่งด้วยหนังแท้และลายไม้แล้ว พื้นด้านหลังเบาะแถว 2 ทำจากไม้เชอรี่ มาพร้อมกับรางอะลูมิเนียมผสมยาง รถคันนี้จึงไม่ใช่เพียงเพื่อขับจ่ายตลาด หรือพาสุนัขไปกินลมแต่เป็นรถเอสเตทที่เหมาะแก่การขับให้คนสนใจมองมากกว่าเพื่อขนของ
            เตรียมออกจำหน่ายเดือนพฤศจิกายน 2012 ด้วยราคา 48,000 ปอนด์ หรือประมาณ 2.1 ล้านบาท ในอังกฤษ