ทายาทเครื่องยนต์
V12 ลำล่าสุดจากค่ายม้าลำพอง Ferrari F12
ที่เปิดตัวอย่างเป็นทางการในงานเจนีวา มอเตอร์โชว์ ปี 2012 ในชื่อว่า Ferrari
F12 berlinetta ซึ่งมาพร้อมกับรูปลักษณ์ที่งดงาม บนมิติตัวถังความยาว
4,618 มม. ความกว้าง 1,942 มม. และความสูงเพียง 1,273 มม. อาบไล้ด้วยสีสันสะดุดตา
แดงสด Rosso Berlinetta ช่วยเพิ่มความโฉบเฉี่ยวให้กับงานดีไซน์รถสปอร์ตอย่างลงตัว
ตามหลักอากาศพลศาสตร์ ที่ใช้โปรแกรม CFD (Computational
Fluid Aynamics) เป็นตัวคำนวณในอุโมงค์ลม ซึ่งดีไซน์ใหม่ของ F12
berlinetta นั้นสามารถสร้างแรงกด Downforce ได้มากถึง
76% หรือราว ๆ 123 กก. ที่ความเร็ว 200 กม/ชม.
และมีค่าสัมประสิทธิ์แรงเสียดทาน (Cd.) ต่ำเพียง 0.299
ซึ่งงานออกแบบทั้งหมดนี้เกิดขึ้นจากฝีมือของสำนัก Ferrari Styling Centre ร่วมมือกับเขาประจำ Pininfarina จนได้เรือนร่างคล้ายกับรถคูเป้
ส่วนภายในยังแสดงถึงความหรูหราด้วยวัสดุหนัง Frau ที่ปูไว้ทั่วทั้งคัน
โดยใช้งานฝีมือ Handcrafted ผสมผสานด้วยวัสดุคาร์บอนไฟเบอร์และอะลูมิเนียมในส่วนของกรอบช่องแอร์
ซึ่งได้รับแรงบันดาลใจมาจากแนวคิด aeronautic field
ถึงแม้จะเป็นรถสปอร์ต
แต่ก็สามารถให้ความสะดวกสบายได้อย่างสมตัว จากห้องโดยสารที่กว้างขวาง
และห้องเก็บสัมภาระด้านท้ายขนาดใหญ่ ซึ่งเกิดขึ้นจากการดีไซน์รูปแบบตัวถังด้านหลังใหม่
รวมถึงบริเวณ Cockpit คนขับ และการจัดวางอุปกรณ์ต่าง ๆ ในตำแหน่งที่ใช้งานได้สะดวก
ตามหลักการ human Machine Interface เพื่อเสริมประสิทธิภาพการขับขี่ให้ดีที่สุด
โครงสร้างตัวรถนั้น
เลือกใช้วัสดุอะลูมิเนียมเป็นหลัก ในขณะที่การผลิตขึ้นงานแซสซี
และตัวบอดี้นั้นกลับเลือกใช้วัสดุที่หลากหลายถึง 12 ชนิด
ในการเสริมความแข็งแกร่งขึ้นอีก 20% แต่สามารถลดน้ำหนักลงได้ถึง
70 กก. เมื่อเทียบกับโมเดลที่แล้ว และยังทำให้ F12 berlinetta เวอร์ชั่นนี้มีน้ำหนักโดยรวมเพียงแค่ 1,525 กก.เท่านั้น
ขุมพลังมากับเครื่องยนต์
V12 สูล ไร้เทอร์โบ มีความจุสุทธิ 6,262 ซี.ซี วางทำมุม 65
องศา เพื่อ
บาลานซ์น้ำหนักหน้า-หลัง อย่างสมดุลที่ 46% และ 54% จนปั่นกำลังสงสุดได้ที่ 740 แรงม้า โดยมีแรงบิดสูงสุดอยู่ที่ 690 นิวตัน-เมตร ที่ 6,000 รอบต่อนาที
บาลานซ์น้ำหนักหน้า-หลัง อย่างสมดุลที่ 46% และ 54% จนปั่นกำลังสงสุดได้ที่ 740 แรงม้า โดยมีแรงบิดสูงสุดอยู่ที่ 690 นิวตัน-เมตร ที่ 6,000 รอบต่อนาที
ส่งกำลังด้วยเกียร์คลํตซ์คู่
F1 dual-clutch ที่ปรับอัตราทดใหม่ให้สั้นกระชับ
เพื่อการส่งถ่ายพละกำลังอย่างต่อเนื่อง และสร้างอัตราเร่งจาก 0-100 กม./ชม. ในเวลา
3.1 วินาที เลยไปถึง 200 กม./ชม. ใน 8.5 วินาที
แถมทีมทดสอบยังได้นำไปหวดในสนามทดสอบ Florano Circuit ที่มีความยาว
3.021 กม. ได้ในเวลาเพียง 1.23.00 นาที ส่งผล Ferrari F12 berlinetta กลายเป็นรถ Road Car ที่ทำเวลาดีที่สุดของ Ferrari
ไปในทันที่ แต่กลับมีอัตราการประหยัดน้ำมันที่ต้นสังกัดได้ปรับให้ดีขึ้นอีก
30% พร้อมด้วยความสะอาดที่ราว ๆ 350 กรัม./กม.
เสถียรภาพการขับขี่ยังคงเต็มไปด้วยความมั่นใจ
ด้วยระบบเบรก CCM3 (Carbon-Ceramic Brakes) เจเนอเรชั่นล่าสุด
ต่อเนื่องถึงชุดช่วงล่างแบบแม่เหล็กไฟฟ้า SCM-E (Magnetorheological
Suspension Control System) รวมไปถึงระบบล็อกเฟืองท้าย E-Diff,
ระบบควบคุมเสถียรภาพ ESP. ระบบ F1-
Trac และท้ายสุด คือระบบเบรก ABS สมรรถนะสูง